วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2552

การ์ตูนที่Rkoชอบ\^__^/


เฟิร์ส เลิฟ first love ผลงานของ อ.มิยาซากะ คาโฮ
มีทั้งหมด10 เล่ม (Rkoซื้อมาครบแล้วจ้าพระเอกหล่อมากมายจ้า...)



องศารักเกินร้อย LOVE ENDLESS ผลงานของ อ.มิยาซากะ คาโฮ
มีทั้งหมด10 เล่ม (ซื้อไม่ครบขาดเล่มหนึ่งเสียใจมากนะเนี้ย T_T)



KISS IN THE BLUE ผลงานของ อ.มิยาซากะ คาโฮ
มีทั้งหมด4 เล่ม (มีครบจ้าแต่เรื่องนี้พระเอกเย็นชามากเลยแต่หล่ออะนะ^__^)







วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2552

เที่ยวโอซาก้าจ้า^0^

โอซาก้า (Osaka)
โอซาก้า เป็นเมืองธุรกิจที่สำคัญและมีการเจริญเติบโตมาอย่างยาวนาน โอซาก้าได้รับสมญานามมากมาย เช่น เมืองแห่งสายธาร เพราะเต็มไปด้วยแม่น้ำลำคลอง หรือจะเป็นนครพันสะพาน เนื่องจากมีสะพานเกือบพันแห่ง แม่น้ำและสะพานเหล่านี้เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าและวัตถุดิบเข้าออกโอซาก้า ซึ่งเป็นประตูส่งออกที่สำคัญของญี่ปุ่นโอซาก้ามีระบบขนส่งรถไฟและรถไฟใต้ดินขนาดใหญ่ จึงทำให้เดินทางเที่ยวชมได้อย่างสะดวกสบาย จุดท่องเที่ยวจึงมักเริ่มที่สถานีรถไฟโอซาก้า (Osaka Station) ในอุเมดะ เพราะรถไฟส่วนใหญ่ยกเว้นชินคังเซ็น จะวิ่งมาถึงสถานีนี้ ใต้สถานีรถไฟใต้ดินขนาดใหญ่มีแหล่งชอปปิ้งถึงสามช่วงสถานีรถไฟให้เดินสำรวจกันจนเมื่อย แหล่งตรงนี้เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้า โรงแรม ร้านค้า และร้านอาหารมากมายนับไม่ถ้วนเชื่อมต่อถึงกันหมดจากสถานีโอซาก้าเมื่อเดินขึ้นมาบนถนน จะเห็นถนนสายหลักของโอซาก้า คือ มิโดซุจิ (Midosuji) ซึ่งทอดยาวไปทางเหนือและใต้ เมื่อข้ามมาอีกฝากหนึ่งของแม่น้ำแล้วเดินลงทางใต้ก็จะพบเกาะแคบๆชื่อว่า นาคาโนะชิมะ (Nakanoshima) อันเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการและบริษัทสำคัญๆรายใหญ่ของโอซาก้า จากถนนมิโดซุจิ ถ้าเดินเลียบแม่น้ำไปทางตะวันออก ผ่านหน้าศาลาว่าการเมืองโอซาก้าและศาลาประชาชน ซึ่งเป็นอาคารอิฐสีแดงโบราณน่ามอง เมื่อข้ามฝั่งมาจะพบกับ พิพิธภัณฑ์เซรามิกแห่งตะวันออก (Museum of Oriental Ceramics) ซึ่งจัดแสดงเครื่องถ้วยชามกระเบื้องจากจีนและเกาหลีของอาตากะอันเป็นที่รู้จักกันดี ถัดมาคือสวนสาธารณะนาคาโนะชิมะโคเอ็น (Nakanoshima Koen) มีสวนกุหลาบและต้นหลิวให้ชมทั้งสองข้างทาง บาทวิถีจะเลาะไปตามแม่น้ำจนถึงด้านตะวันตกของถนนมิโดซุจิ ที่นั่นก็จะได้พบกับตึกธนาคารกลางญี่ปุ่น (Bank of Japan) อันสวยงาม ถ้าเดินย้อนกลับมาถนนมิโดซุจิ แล้วเดินลงทางใต้ก็จะถึงย่านฮนมาจิที่มีสี่แยกถนนมิโดซุจิตัดผ่านถนนฮนมาจิ เหนือขึ้นไปจากสี่แยก คือ เซ็มบะ (Semba) ย่านขายส่งเสื้อผ้าเครื่องประดับ จากนั้นเมื่อเดินต่อไปทางใต้ตามถนนมิโดซุจิจนถึงนางาโฮริ (Nagahori) ซึ่งเป็นสี่แยกขนาดใหญ่ ในแถบนั้นจะได้พบกับตึกโซนี่ทาวเวอร์ (Sony Tower) อยู่ตรงปากทางเข้าถนนชินไซบาชิ (Shinsaibashi) ถนนย่านชอบปิ้งชั้นนำของโอซาก้าที่ทอดยาวต่อเนื่องไปทางใต้ จนถึงห้างทาคาชิมายะและสถานีรถไฟนัมบะ แถบนี้เป็นจุดที่น่าหลงใหลที่สุดอีกแห่งหนึ่ง เพราะมีย่านบันเทิง โคตมโบริ (Dotonbori) ตั้งอยู่ ถนนชินไซบาชิมาสิ้นสุดที่คลองโดตมโบริอันเป็นจุดเริ่มต้นของถนนเอบิซุซุจิ (Ebisusuji) ตรงบริเวณนี้ถ้ามองไปทางซ้ายจะเห็นตึก คิรินพลาซ่าบิลดิ้ง (Kirin Plaza Building)สถานีรถไฟนัมบะ (Namba Station) อยู่ห่างจากโดงุยะซุจิเพียงสองช่วงตึก มีนัมบะซิตี้ (Namba City) และเรนโบว์ทาวน์ เป็นอาเขตชอปปิ้งใต้ดินขนาดใหญ่มีรถไฟใต้ดินสำคัญสามสายวิ่งผ่าน และยังเป็นจุดต่อรถไปสนามบินนานาชาติคันไซสะดวกที่สุดแห่งหนึ่ง โดยมีรถไฟเจอาร์เวสต์และสายนังไกวิ่งจากสถานีนัมบะไปยังสนามบินปราสาทโอซาก้าโจ (Osaka-jo) เป็นจุดที่มีผู้ไปเยือนมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง โดยเดินไปตามบาทวิถีจนถึงปลายเกาะนาคาโนะชิมะด้านตะวันออก แล้วเดินไปทางเหนือข้ามสะพานเท็นจินบาชิ (Tenjin-bashi) ตรงป้อมตำรวจ แล้วเดินขึ้นไปทางเหนืออีกจะพบ ศาลเจ้าเท็มมังงุจิงงุ (Tenmangu Jingu) ซึ่งสร้างถวายเทพแห่งความรู้ เมื่อเดินตามบาทวิถีริมแม่น้ำราวหนึ่งกิโลเมตร ก็จะถึงโรงกษาปณ์โอซาก้า (Osaka mint) และพิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณ์ จากนั้นข้ามสะพานคาวาซากิบาชิ (Kawasaki-bashi) ไปยังปราสาทโอซาก้าโจที่อยู่ข้างหน้า ปราสาทแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับโอซาก้าในกาลข้างหน้า หอคอยปราสาทผงาดเหนืออุทยานกว้างและกำแพงหิน เป็นการจำลองแบบจากของเดิมที่สร้างโดย โตโยะโตมิ ฮิเดโยชิ เมื่อปี 1585 ปราสาทมหึมาหลังนี้สร้างเสร็จโดยใช้เวลาสามปี โดยระดมคนจำนวนหลายหมื่นมาก่อสร้าง โอซาก้าบิสซิเนสปาร์ก (Osaka Business Park) อยู่ใกล้กับปราสาท เป็นอีกที่หนึ่งที่น่าสนใจเข้าไปชมเพื่อดูว่าอนาคตของโอซาก้าน่าจะเป็นเช่นไร นักวางแผนธุรกิจต้องการให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางสำคัญแห่งหนึ่งของโอซาก้า ภายในบริเวณมีตึกระฟ้า โรงหนัง ศูนย์ชอปปิ้ง ร้านอาหาร และโรงแรมนิวโอตานิ (New Otani Hotel)อุเมดะ สกายบิลดิ้ง (Umeda Sky Building) เป็นอีกจุดหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ด้วยตึกที่สูงถึง 173 เมตร ท่านสามารถชมพระอาทิตย์ตกดิน และบรรยากาศรอบๆเมืองที่งดงามได้ที่นี่ บนดาดฟ้าของตึกซึ่งเป็นจุดที่สามารถชมความงามของเมืองโอซาก้าได้อย่างชัดเจน ที่ชั้น 39 ของตัวอาคารจะมีสวนลอยฟ้า (Floating Garden) ที่เปิดให้เข้าชมโดยเสียค่าธรรมเนียม 700 เยน ที่ชั้นล่างสุดของตัวอาคาร ท่านจะได้พบกับตลาด Takimi Koji ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างดี

โหลดข้อมูลเพิ่มเติ่ม

Japanประเทศในฝันที่Rkoอยากไปมากๆ



ประเทศที่Rkoอยากไปมากที่สุดก็คือJapanจ้า.........(ผู้ชายหล่อดี55+)..........ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงชอบประเทศJapan.....ชอบเองยังไม่รู้เลยว่าชอบอะไร55+ คือว่าที่ชอบประเทศนี้ก็คงเป็นเพราะเป็นประเทศที่สวยและน่าอยู่มีการแต่งตัวที่หลุดโลกดี55+ อยากไปอนเซ็นซักครั้งนึงในชีวิตอะนะ

เรื่องย่อRebornภาคที่3

วันหนึ่งรีบอร์นได้โดนบาซูก้าทศวรรศยิงใส่แต่กลับไม่มีรีบอร์นในอีก 10 ปีข้างหน้ามาปรากฏขึ้นแถมรีบอร์นในปัจจุบันยังหายไปอีก สึนะจึงไปบังคับให้แรมโบ้ยิงบาซูก้าใส่ตัวเองเพื่อเรียกแรมโบ้หนุ่มออกมาถามเรื่องราวในอีก 10 ปีข้างหน้า แต่สึนะกลับโดนบาซูก้ายิงเสียเอง เมื่อสึนะรู้สึกตัวอีกทีก็พบตัวเองในโลงศพ แล้วสึนะก็ได้เจอกับโกคุเทระในอีก 10 ปีข้างหน้า โกคุเทระให้ไปจัดการคนที่ชื่อ อิริเอะ โชอิจิ และเขาก็ได้มอบกระดาษอันเล็กไว้ให้สึนะเพื่อต้องการที่จะบอกความลับอะไรสักอย่าง แต่ก่อนที่เขาจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดในโลกอนาคตจบ โกคุเทระก็กลับกลายเป็นตัวเองเมื่อ10ปีก่อนและต่อมาก็ได้พบกับบุคคลลึกลับคนนึงพวกสึนะพยายามต่อสู้แต่ความสามารถต่างกันคนละยุคทำให้ไม่สามารถเอาชนะได้จนเกือบจะถูกฆ่าแล้ว แต่สุดท้ายเธอก็บอกความจริงว่าเธอชื่อ รัล มิลจิ ซึ่งเป็นผู้ดูแลนอกแก๊งค์ของวองโกเล่ และพวกสึนะก็ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดจาก รัล มิลจิ ว่า ศูนย์บัญชาการของวองโกเล่แฟมิลี่ถูกพวกมิลฟีโอเล่ แฟมิลิ่ถล่มไปแล้ว โดยผู้นำก็คือเบียคุรัน วองโกเล่รุ่นที่9หายสาบสูญส่วนสึนะนั้นก็ได้เป็นวองโก่เล่รุ่นที่10 อัลโกบาเลโน่ตายหมดแล้ว รีบอร์นด้วย ในระหว่างที่จะเดินทางไปฐานทัพลับพวกสึนะต้องมาเจอกับ โกร่า สทูราโอ มอสก้ารุ่นที่ 2 ระหว่างที่สึนะตกที่นั่งลำบาก ยามาโมโตะในอีก 10 ปีข้างหน้ามาช่วยได้ทันและ รัล มิลจิ จึงได้รู้ว่าฐานทัพลับที่รู้มาเป็นข่าวลวง ยามาโมโตะ จึงเปิดทางเข้าออกของฐานทัพลับจริงให้ที่สร้างเสร็จเกือบ 60%แล้ว สึนะได้พบกับรึบอร์นและได้รู้ว่า มิลฟีโอเล่ แฟมิลิ่ได้ลอบสังหารประชากรในเมืองไปจำนวนมากรวมทั้งพ่อของยามาโมโตะ รุ่นที่9ก็หายสาบสูญ พ่อสึนะและแม่สึนะอยู่ที่อิตาลีแต่ยังมีทางเดียวก็คือ รวบรวมผู้พิทักษ์ทั้ง 6 คน ที่แยกย้ายกันไปให้กลับมารวมตัวกันให้ได้
ระหว่างนั้นอิริเอะ โชอิจิได้มาถึงญี่ปุ่นแล้ว ทางด้านพวกสึนะกำลังตามผู้พิทักษ์เป้าหมายแรกก็คือ ฮิบาริ เคียวยะ คนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มผู้พิทักษ์ของวองโกเล่รุ่นที่ 10 โดยมีเบาะแสคือ นกฮิเบิร์ด นกของ ฮิบาริ เคียวยะ แล้วยามาโมโตะก็บอกว่า พวกสึนะมาพร้อมกับความหวังคือ วองโกเล่ริง และได้รู้ว่าอนาคตคนที่ทำลายคือ วองโกเล่รุ่นที่ 10 หรือสึนะนั่นเอง ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากให้เกิดการแย่งชิงแหวนและได้พบกับพวกแรมโบ้ที่กำลังถูกพวกเบล็ดสเปลของ มิลฟีโอเล่ แฟมิลิ่ พวกสึนะจึงเข้าไปช่วยและได้พบกับฮารุในอีก10ปีข้างหน้าส่วนเคียวโกะกระเด็นเข้าไปในตึกสึนะจึงเข้าไปช่วยในที่ยามาโมโตะกำลังต่อสู่อยู่นั้น อยู่ดีๆทุกคนก็กลับเป็นคนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว รวมทั้งเคียวโกะที่อยู่กับสึนะด้วย ทางด้านโนซารุแห่งเบล็ดสเปลได้จัดการพวกยามาโมโตะจนสลบเหลือแต่โกคูเทระเพียงคนเดียว ส่วนสึนะได้พบทาซารุแห่งเบล็คสเปลด้วยเคียวโกะกำลังตกอยู่ในอันตราย สึนะจึงไปสู้กับมาซารุแต่ไม่สามารถสู้ได้แต่ด้วยความที่อยากจะปกป้องทุกคนไฟที่แหวนจึงจุดประกายขึ้นมาทำให้สามารถเอาชนะทาซารุได้สำเร็จ ส่วนทางด้าน โกคูเทระคิดจะใช้ระเบิดแต่ระเบิดทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้จึงใช้พลังใจของตนเองทำให้ไฟที่แหวนติดขึ้นมาแล้วจึงเปิดกล่องได้ปืนจึงได้ใช้ต่อสู้โดยนัดแรกโดยที่โนซารุไม่เป็นไรเลยแต่ไฟที่เท้าก็ดับลงแค่แปบเดียว โกคุเทระจึงโจมตีอีกครั้งเพียงนัดเดียวก็สามารถเอาชนะโนซารุได้
ต่อมา พวกสึนะได้รับสัญญาณ SOS จาก ฮิเบิร์ด[Hibiri Bird) นกของฮิบาริ และเคียวโกะได้ไปตามหาพี่ชายและถูกเพื่อนสนิทช่วยไว้ ส่วน ทาง ยามาโมโตะและโกคุเดระ ได้พบกับ แกมม่า หัวหนาและพี่ ของ โนซารุและมาซารุ ยามาโมโตะและโกคุเดระแพ้ไป แล้วในขณะนั้น ฮิบาริได้เข้ามาช่วยไว้และใช้กล่อง และทอนฟา จัดการ แกมมาในสภาพปางตาย ส่วนพวก สึนะและ รัลมิลจิ ได้พบ กับเคียวโกะและพากลับฐานวองโกเล่ได้สำเร็จ ตัดมาที่พวก มิลฟิโอเล่กำลังประชุมกันอยู่ เบียคุรันได้พูดถึง สิ่งหนึ่งคือ จุกนม แหวน วองโกเล่ และ แหวนมาเล่ย์ จะทำให้เกิด สิ่งที่เรียกว่า ทรูรินิเซน ขณะนั้นเบียคุรันกลับมาที่สำนักงานของ ไวสเปล ได้ถามกับเลโอ ซึ่งเป็นเลขาส่วนตัว ว่า จะส่งใครไป ระหว่าง หน่วยที่ 8 และ 11 เลโอได้ตอบว่า ส่งหน่วยที่ 11 ไปจัดการกับ ตัวตุ่น (วาเรีย) และให้กุโละคิชเนีย ไปจัดการกับ โกคุโย กุโละได้ไปจัดการกับ โคลม ในขณะที่ต่อสู้อยู่นั้น นกฮูกของกุโละได้ถูก โรคุโด เข้าสิงและสั่งให้โคลมหนีไป จนโคลมหนีจนมุกแล้วกุโละตามมาทั้น จึงสั่งให้หมึกพิรุณจัดการฆ่าโคลมซะ ในขณะนั้นเอง หนวดของหมึกพิรุณ ถูก เข็มพิษ 6 แท่งแทงและถูกตัดโดย Wolf Channel สามง่ามของโคลมถูกแย่งไป และชาย 3 คน ที่พูดขึ้นว่า เหมือนเมื่อก่อนเลย ทำให้โคลมร้องไห้ออกมา ชาย 3 คนนั้นคือ จิคุสะ เคน และ มุคุโรนั่นเอง มุคุโรชนะ กุโละได้ และโคลมได้ถูกเรียวเฮช่วยไว้กลับมาที่ฐานวองโกเล่และเป็นฉากคุยกัน เรียวเฮบอกสึนะว่า ทางวองโกเล่และแฟมมิลี่พันธมิตร วางแผนจะทำสงครามกับมิลฟิโอเล่ ซึ่งหมายความว่า แฟมมิลี่ของ ดีโน่คาบัคโรเน่ก็จะเข้าร่วมด้วย สึนะรู้ว่า ดีโน่ปลอดภัยและเข้าร่วมสงครามใน 5วันต้องฝึกกันอย่างหนัก ส่วนทาง มิลฟิโอเล่ โชอิจิ ได้บอกกุโละ ซึ่งบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถทำอะไรได้นอกจาก มองและหายใจและคิด อิริเอะลืมว่าสามารถอ่านความคิดคนได้กลับไม่ใช้ กุโละคิดในใจว่า อิริเอะ มีสายสืบในพวกเรา อิริเอะกลับไปนอนในห้องเล่น Laptop และคิดว่า ทำไมคุณเบียคุรัน ถึงอารมณ์ดีตลอดเวลาเลยนะ จากการบันทึกการสนทนาของตนและพบกับชายคนนึง ที่อยู่ในห้องเบียคุรัน ตัดมาทางเบียคุรัน คุยกับ เลโอเรื่องที่ ส่งหน่วยของกุโละไป เลโอเผยตัวตนเป็น มุคุโร และต่อสู้กับเบียคุรัน มุคุโร่แพ้ และทำให้โคลมอาการสาหัสมาก หลังจากนั้น เบียคุรัน คุยกับ อิริเอะอิริเอะบอกว่า มีสายลับนั่นคือเลโอ เบียคุรันบอกเลโอเป็น ผู้พิทักสายหมอกของวองโกเล่ และจัดการไปแล้ว ต่อมาอิริเอะได้รับรายงานจากหมอว่า อานสายตาของ กุโละที่ ขยับตาเป็นตัวอกษร ว่า ติดเครื่องติดตามไว้ที่เท้าของโคลม และได้รับคำสั่งให้เป็นผู้บัญชาการโดยเบียคุรันซึ้งตอนนี้ อิริเอะสามารถสั่ง แบล็คสเปลได้ จึงเรียกประชุม มิลฟิโอเล่สาขาญี่ปุ่นมา ให้จัดการกับ วองโกเล่ และทันใดนั้น ขณะกำลังจะมีผู้คัดค้าน ชายผู้นึงพูดขึ้นว่า ข้าคือ อัศวินเงามายา (ชื่อว่า เจนคิชิ) "ข้าได้รับคำสั่งจากท่านเบียคุรันให้ข้ามาคุ้มครองท่านอิริเอะ หากผู้ใดคิดต่อกรกับท่านอิริเอะได้ลิ้มลองคมดาบข้าแน่" และอิริเอะสั่ง มิลฟิโอเล่ทั้งหมดไปบุกฐานวองโกเล่ทันที และทันใดนั้นขณะที่กำลังโจมตี มิลฟิโอเล่ที่กำลังโจมตีวองโกเล่ ถูกฮิบาริ มาขวางทางไว้ ส่วน สึนะกับผู้พิทักได้บุกไปที่ฐานมิลฟิโอเล่เพื่อไม่ให้การเสียสละของฮิบาริเปล่าประโยชน์ หลังจากที่สึนะบุกเข้าไปในฐานทัพลับโดยมีรัล มิลจิ , สึนะ , ยามาโมโตะ , โกคุเดระ , เรียวเฮ ซึ่งบุกเข้าไปทางห้างฯใต้ดินนามิโมริ ผ่านท่อเข้าไปและเมื่อถึงช่วงกลางท่อ มีเซ็นเซอร์ รัลมิลจิจึงใช้ของที่ได้จากเจ็นนีนี่ ซึ่งหยุดเซ็นเซอร์ได้แปปเดียว แล้วทั้งหมดก็ผ่านไปได้ แต่ต้องเจอกับเลเซอร์ชุดใหญ่ ยามาโมโตะ จึงจัดการฟันท่อทิ้ง แล้วลงมาด้านล่าง พบกับศัตรูคนที่ 1 ซึ่งใช้สายฟ้าเป็นหลัก มีสัตว์กล่องคคือหมูป่า แต่สึนะก็ชนะได้ง่ายดาย ทั้งหมดจึงเดินทางต่อไป ทำให้ต้องสู้กับศัตรูคนที่ 2 คือ Ginger Bread นักเวทมนตร์์ที่ใช้ตุ๊กตา ซึ่งรอบนี้รัล มิลจิไปสู้เอง หลังจากนั้น รัลมิลจิก็โดนแมงมุมของจินเจอร์เบรด ปางตาย แต่ว่าโชคดีที่จุกนมเกิดส่งอแสงจ้า ทำให้รัล มิจมีพลังขึ้นมาและฆ่า จินเจอร์เบรด (ตุ๊กตา) ตายในที่สุด และหลังจากนี้ สึนะต้องไปสู้กับ มอสก้า 4 ตัว อีกครั้งหนึ่ง สึนะปราบได้ 1 ตัว และ อีก 2 ตัวถ่ายพลังไปให้ อีกตัวหนึ่ง เกดิเป็น คิงมอสก้า มีพลังมหาศาล สึนะใช้ X Burner แต่ไม่สำเร็จจึงร่วงไปกับพื้น หลังจากนั้นคนควบคุม มอสก็ออกมา ชื่อ สแปนเนอร์ ตอนแรก ทำท่าจะยิง แต่ไม่ได้ยิงพร้อมช่วยสึนะใช้ X Burner ให้สำเร็จ ระหว่างที่สึนะสู้อยู่ พวกยามาโมโตะ ได้เจอกับห้องห้องหนึ่ง ซึ่งเปิดอยู่และเจอศัตรูคนที่ 3 ใช้งูเป็นสัตว์ และขี่พรมเหมือนอาลาดิน แต่เรียวเฮก็ใช้หมัดของตัวเองต่อยงูจนตาย ระหว่างนั้น อิริเอะ ได้เข้าไปในห้องควบคุม Melone Base (ชื่อฐานทัพลัพมิลฟิโอเล่) ทำให้แต่ละบล็อกโดนแยกจากกัน โดยโกคุเดระ + เรียวเฮ ถูกแยกจาก ยามาโมโตะ + รัลมิลจิ ทั้ง 2 ทีม จึงแยกไป ยามาโมโตะ ได้เข้าไปในห้องห้องนึง ซึ่งมีแต่ท่อเต็มไปหมด พร้อมเจอศัตรู คนที่ 4 ซึ่งใช้บูมเมอร์แรง ทำให้ยามาโมโตะใช้ดาบไม่ได้ จึงฟันท่อทิ้งหมด แล้วศัตรูปาบูมเมอร์แรงมาโดนถังสี ยามาโมโตะจึงรู้ว่ามี 2 คน ทำให้ทั้ง 2 คนเผ่นหนีไป ส่วนฝั่งเรียวเฮ ได้สู้กับ คาปูชิโน ตาแก่ที่มีสัตว์ประหลาดเป็นวุ้นคล้าย ๆ ปลาหมึก ยามาโมโตะใช้สัตว์ของตัวเอง แต่โดนสัตว์วุ้นกินซะก่อน ยามาโมโตะเองก็โดนเช่นกัน แต่ยามาโมโตะใช้กล่องได้จึงทำให้วุ้นระเบิด แล้วผมของคาปูชิโน ก็หายไป เผ่นราบไปตามระเบียบ แล้งหลังจากนั้น ก็พบกับ Gamma รอบนี้เรียวเฮออกไปสู้ แต่ปางตายกลับมา โกคุเดระ จึงจัดการแก้แค้นเอง ทำใหู้อูริ (สัตว์ของโกคุเดระ) กลายเป็นแมวตัวใหญ่ (คิดว่าเสือมากกว่า) แต่ก็เป็นตัวเล็กเหมือนเดิม ทั้ง 2 คนจึงสู้กันอย่างบ้าระห่ำ แต่ก็ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ ระหว่างนี้ สึนะจึงฝึกกับสแปนเนอร์ เจ็นนีนี่ ได้ส่งภาพ 3 มิติของรีบอร์นไปช่วยสึนะระหว่างฝึกใช้ X Burner แต่โชคไม่ดีระหว่างฝึกรอบที่ 4 ในเครื่องสร้างภาพนั้น เครื่องเกิดชำรุด จากการเคลื่อนบล็อกของฐาน ทำให้ ศัตรูที่แข่งแกร่งที่สุด เป็นโปรแกรมมอนสเตอร์สำหรับฝึกที่อิริเอะส่งมา สู้กับสึนะ แต่สึนะสู้ไม่ไหว โชคดีที่พาสึนะออกมาทัน ในระหว่างนั้น ยามาโมโตะก็เข้าไปสู้กับ เจนคิชิ แต่พ่ายแพ้ ทำให้ฮิบาริ ต้องมาสู้ต่อ แต่ฮิบาริก็โดนเจนคิชิ จัดการ ทำให้ฮิบาริกลับเป็นช่วง 10 ปีที่แล้ว ระหว่างนั้น โครมและลูกน้องของฮิบาริ รวมไปถึง แรมโบ้และอี้ผิง ก็มาช่วย แต่ ฮิบาริกลับโมโหมากกว่าเก่าเพราะถูกหยาม จึงจะไล่ ลูกน้องตัวเองออกจาก กรรมการคุมกฎ แต่เชื่อในคำพูดของลูกน้องจึงทำให้เพิมความโกรธและ เปิดกล่องเม่นได้ และเม่นในกล่องนั้นกลับทำหนามตำมือฮิบาริ เม่นจึงตกใจที่ทำให้เจ้านายตัวเองบาดเจ็บจึงไม่สามารถควบคุมพลังตัวเองได้และขยายตัวขึ้นจนหนามของเม่นแทงไปรอบๆบริเวณกล่องที่พวกฮิบาริยื่นอยู่ และก็ส่งผลให้อิริเอะซึ่งคิดจะย้ายกล่องย้ายไม่ได้เนื่องจากกล่องรอบห้องทดลองของอิริเอะนั้นถูกหนามของเม่นฮิบาริตำจนไม่อาจเคลื่อนย้ายได้ ทำให้กล่องที่ฮิบาริรวมไปถึงคนอื่นๆเริ่มถล่ม ทำให้ทั้งหมดวิ่งหนีออกไปและถูกอิริเอะจับตัว สึนะผ่ากล่องต่างๆที่เป็นทางผ่านไปยังห้องทดลองจนไปถึงกล่องสุดท้ายก็พบกับเจนคิชิซึ่งนำแหวนนรกออกมาใช้ และสึนะก็สามารถชนะและเข้าไปในห้องทดลองได้ แต่เมื่อสึนะเข้าไปก็กลับพบว่าเพื่อนๆทั้งหมดถูกอิริเอะจับตัวเอาไว้ในห้องซึ่งมีแก๊สที่ทำให้หลับเปิดอยู่ และล้อมรอบด้วยกำแพงที่เป๋นนนาโนคอมโพซิสจึงไม่สามารถหลุดออกสมาได้ และอิริเอะได้เสนอข้อแลกเปลี่ยนให้นำแหวนวองโกเล่ทั้งหมดและกล่องทั้งหมด มาแลกกับเพื่อนของสึนะทุกคน และสึนะก็พบว่าตัวสึนะและเพื่อนๆทั้งหมดในยุคนั้นไม่ได้กลับไปในสิบปีที่แล้ว พวกเขาถูกเก็บไว้ในห้องแลบนั้นด้วยเช่นกัน แต่แล้วการแลกเปลี่ยนก็ถูกขัดขึ้นด้วยผู้หญิงคาแบลลโลสองคนที่ได้รับคำสั่งมาจากเบียกคุรันว่าจะไม่มีการคุยกันกันอีก พวกเธอยื่นปืนไปที่สึนะ คาเบลโลทั้งสองสลบลงไปกองกับพื้นเพราะอิริเอะเป็นคนยิงกระสุนที่ทำให้หลับไปซักพัก เหตุการ์ณนี้ทำให้ทุกคนตกอยู่ในอาการมึนงง อิริเอะบอกว่าตัวเองเป็นพันธมิตรกับวองโกเล่ และบอกความจริงทั้งหมดว่าเขาเป็นคนส่งพวกสึนะมายังโลกอนาคตเพื่อจะได้รับการฝึกฝนในเวลาสั้นๆ และทำให้เก่งขึ้น ตามคำสั่งของสึนะในยุคนั้น หลังจากนั้น เบียคุรันได้ออกมาบอกกับสึนะว่า หกบุปผาที่ครอบครองแหวนมาเล่และแหวนมาเล่ทั้งหกวงนั้นเป็นของปลอม และได้ประกาศศึกอย่างเป็นทางการกับสึนะโยชิ และให้เวลาพวกสึนะไปฝึกฝนตนเอง โดยได้ให้คำใบ้เป็นเกมที่เคยเล่นกับโชอิจิในสมัยก่อน จากนั้น โชอิจิและสปาน่าได้เข้ามาอยู่ในวองโกเล่ตามคำเชิญของรีบอร์นและสึนะ ทั้งสองช่วยกัยจัดการฐานทัพมาเล่ที่ญี่ปุ่น ทางด้านพวกสึนะที่ได้หยุดพัก ก็ไปเยี่ยมโรงเรียนของตนเอง ที่โรงเรียนนามิโมริซึ่งสภาพเหมือนเดิมทุกประการ ฮิบาริได้พบกับดีโน่บนดาดฟ้าของอาคารเรียน ส่วนจางนีนิก็ได้ผลิตอาวุธชิ้นใหม่ให้สึนะ

เรื่องย่อRebornภาคที่2


ภาคศึกชิงแหวน
หลังจากศึกมุคุโร่ พวกสึนะก็ต้องเผชิญกับกลุ่มวอริเออร์ (Varia) โดยที่สควอโล่นั้นไล่กวดบาจิลตลอดทางในญี่ปุ่น เพื่อชิงแหวนอีกครึ่งหนึ่งของวองโกเล่ และเจอกับพวกสึนะเข้า สควอโล่นั้นต้องการแหวนผู้พิทักษ์วอลโกเล่ เป็นครึ่งหนึ่งของแหวนแต่ละอัน ซึ่งสควอโล่นั้นได้แหวนของปลอมไป ส่วนของจริงนั้นอยู่กับดีโน่ พ่อของสึนะได้กระจายแหวนไปให้ทั้ง 7 คน โดยมอบแหวนแต่ละวงไปอยู่กับ
แหวนแห่งนภา - ซาวาดะ สึนะโยชิ
แหวนแห่งแสงอรุณ - ซาซางาวะ เรียวเฮ
แหวนแห่งอัสนี- แรมโบ้
แหวนแห่งวายุ - โกคุเทระ ฮายาโตะ
แหวนแห่งพิรุณ - ยามาโมโตะ ทาเคชิ
แหวนแห่งสายหมอก - โครม โดคุโร เป็นตัวแทนของ โรคุโด มุคุโร่
แหวนแห่งเมฆา - ฮิบาริ เคียวยะ
ทุกคนนั้นต้องฝึกฝนตัวเองเพื่อที่จะต่อกรกับกลุ่มวอริเออร์ที่กำลังจะรู้ความจริงเรื่องแหวน และจะมาญี่ปุ่นในไม่ช้า รีบอร์นได้จัดครูฝึกของทุกคนไว้ ยกเว้นโครมและแรมโบ้ที่เพิ่งพบว่ามีแหวนอยู่ภายหลัง โดยที่รีบอร์นครูสอนพิเศษไว้ ดังนี้
ซาวาดะ สึนะโยชิ - รีบอร์น
โกคุเทระ ฮายาโตะ - ชามาล
ยามาโมโตะ ทาเคชิ - ยามาโมโตะ สึโยชิ (พ่อของเขา)
ซาซางาวะ เรียวเฮ - โคโรเนลโร่
ฮิบาริ เคียวยะ - ดีโน่
สึนะนั้นเพิ่งรู้ว่าแหวนแห่งอัสนีนั้นอยู่กับแรมโบ้ ระหว่างที่แรมโบ้นั้นถูกหมายหัวโดยหนึ่งในวอริเออร์ เลวี่ พวกวอริเออร์นั้นมาถึงญี่ปุ่นก่อนกำหนด และทุกคนนั้นถูกจัดการต่อสู้ตัวต่อตัวระหว่างผู้พิทักษ์ที่มีแหวนเหมือนกัน โดยแต่ละคืนนั้นจะมีหนึ่งศึก โดยมีลำดับดังนี้
แหวนแห่งแสงอรุณ ระหว่าง ซาซางาวะ เรียวเฮ ปะทะ ลุสซูเรีย (ชนะ)
เวทีนั้นคือสนามประตูโรงเรียนที่ถูกจัดเป็นเวทีมวย ลุซซูเรียชอบใจเรียวเฮ แต่เขาต้องการที่จะให้สิ่งที่ชอบเป็นศพแล้วเก็บเอาไว้ในคอลเล็คชั่นส่วนตัวของเขา[เอาไปสตาฟ!!!]
แหวนแห่งอัสนี แรมโบ้ (อีก20ปี) ปะทะ เลวี่ (แพ้)
เวทีนั้นอยู่บนดาดฟ้าโรงเรียน โดยที่มีพายุฟ้าผ่า แถมสายล่อฟ้าตั้งสูง แรมโบ้นั้นได้เรียกตัวเองจาก 20 ปีข้างหน้ามาสู้ แต่หมดเวลาของกระสุนบาซูก้าเสียก่อน จึงทำให้เลวี่ได้โอกาสโจมตีแรมโบ้อย่างรุนแรง แต่สึนะมาช่วยไว้ ทว่า ต้องถูกปรับแพ้เพราะสึนะเข้ามาช่วย
แหวนแห่งวายุ โกคุเทระ ฮายาโตะ ปะทะ เบลเฟกอล (แพ้)
เวทีอยู่ในอาคารโรงเรียนตึก A ที่มีลมพายุที่เกิดจากเครื่อง พร้อมระเบิดเวลา ระหว่างที่สู้เบลเฟกอลได้เห็นเลือดตัวเองจะกลายเป็นเหมือนกับคนบ้าและเก่งขึ้นด้วย โกคุเทระจึงได้ละทิ้งแหวน เพื่อหนีเอาชีวิตรอดหลังจากที่ระเบิดเวลาใกล้มาถึงตัวของเขาแล้ว
แหวนแห่งวรุณ ยามาโมโตะ ทาเคชิ ปะทะ สควอโล่ (ชนะ)
ภายในอาคาร ตึก B โดยที่ตึกโดนทุบจนแหลก แล้วมีน้ำไหลลงมาจากแท้งค์น้ำที่อยู่ข้างบนโดยที่ระหว่างที่สู้ยามาโมโตะได้รู้ว่าสควอโล่เคยถล่มสำนักชิงุเระโซเอนมาแล้ว แต่สควอโล่นั้นไม่สามารถมองเพลงดาบชิงุเระโซเอนท่าที่ 8 (พิรุณกระหน่ำแทง) โดยคิดว่าเป็น ฝนใบไม้ร่วง และก็ถูกปราบด้วยเพลงดาบชิงุเระโซเอนท่าที่ 9 ซึ่งเป็นท่าที่คิดค้นด้วยตัวเอง และโดนฉลามกินต้อนท้าย แต่ยังมีชีวิตรอดอยู่
แหวนแห่งสายหมอก โครม โรคุโด ปะทะ มามอน [ไวเปอร์] (ชนะ)
ภายในโรงยิม ไม่มีอะไรพิเศษมามอนได้ใช้พลังปลดผนึกจุกนมขึ้นมากลายเป็น อัลโกบาเลโน่ ไวเปอร์ แล้วใช้พลังของตนเองโจมตีโครม จนหอกสามของโครมหัก จนโครมสลบไป และท้องก็ยุบลงไปเรื่อยๆ ขณะโครมกำลังแย่ มุคุโร่นั้นจึงมาสลับเปลี่ยนกับโครม แล้วใช้พลังของตนเองที่ได้มาจากในนรกจัดการกับไวเปอร์
แหวนแห่งเมฆา ฮิบาริ เคียวยะ ปะทะ โกล่า มอสก้า (ชนะ)
สนามโรงเรียนที่เต็มไปด้วยกับระเบิด และถูกยิงโดยปืนกลจากด้านนอก ฮิบาริชนะด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แล้วจึงท้าสู้กับ XANXUS ในระหว่างที่สู้กับ XANXUS มอสก้าก็เกิดบ้าคลั่ง สึนะต้องหยุดมัน แต่ว่ารุ่นที่ 9 ตัวจริงนั้นถูกจับไว้อยู่ข้างใน ในสภาพที่เกือบตาย
แหวนแห่งนภา ซาวาดะ สึนะโยชิ ปะทะ ซันซัส (ชนะ)
ทั่วโรงเรียน โดยต้องช่วยผู้พิทักษ์ของตัวเองทั้งหมดก่อนครึ่งชั่วโมง โดย ซันซัส ใช้ความสามารถของรุ่นที่ 2 และอาวุธของรุ่นที่ 7 ส่วนสึนะได้สำเร็จท่าใหม่ เดือดทะลุจุดศูนย์ ของรุ่นที่ 1 และได้คิดค้น เดือดทะลุจุดศูนย์ฉบับดัดแปลง ที่ดูดเพลิงของคู่ต่อสู้ได้ หลังจากนั้นสึนะก็สามารถใช้ เดือดทะลุจุดศูนย์แบบต้นตำรับ ที่ทำให้แช่แข็งศัตรูได้
หลังจากที่สึนะชนะ ซันซัส แล้วก็ได้รู้ว่าแผลของ ซันซัส เกิดจากที่วองโกเล่รุ่นที่ 9 ใช้เดือดทะลุจุดศูนย์ แช่แข็ง และได้รู้อีกว่า ซันซัส ไม่ใช่ลูกแท้ๆของรุ่นที่ 9 แค่เป็นเด็กฝากมาเลี้ยงเท่านั้น จากนั้นเบลเฟกอลและมามอนได้เรียกกลุ่มวอริเออร์ที่เหลือมาช่วย แต่ว่าถูกลันเซียกำจัดหมด และทุกคนก็ได้แหวน

อาหารที่Rkoชอบ


อาหารเกาหลีนั้นเองที่Rkoชอบมากที่ชอบก็เพราะว่าได้ไปกินอาหารเกาหลีแท้ๆ ที่ร้านอาหารเกาหลีในกรุงเทพอะนะ~~^0^~~


วันนั้นได้กินพุลโกกีหรือว่าเนื้อย่างซี่โค้รงเกาหลีนั้นเองอร่อยสุดไปเลยและก็ยังมีกิมจิอืม...ไอ้กิมจินี้อะนะมันก็เหมือนกับผักดอกบ้านเราอะนะแต่ว่ามันต่างกันตรงที่ว่าคนเกาหลีเค้าจะใส่พริกและก็เครื่องปรุงใหมันมีรสเผ็ดอะนะ~~วันนั้นก็กินไปหลายอย่างอยู่นะแต่จำชื่อมันได้แล้วอะ 55+


วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2552

คำช่วยแสดงประธานและ

วางไว้หลังคำนามเพื่อแสดงให้เห็นว่าคำนามนั้นทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค
วิธีการเติม

1. วาง 이 ไว้หน้าคำนามที่ลงท้ายด้วยตัวสะกด (จำไว้ว่า เวลามีตัวสะกดต้องเติม 이 จะได้โยงเสียงขึ้นไป)เช่น 가방 + 이 --> 가방이 예뻐요. (คาบางี เยปอโย) กระเป๋าสวย
2. วาง가 ไว้หน้าคำนามที่ลงท้ายด้วยสระ เช่น 오빠 + 가 --> 오빠가 전화해요. ( โอปากา ชอนฮวาแฮโย) พี่ชายโทรศัพท์

วางไว้หลังคำนามเพื่อแสดงให้เห็นว่าคำนามนั้นทำหน้าที่กรรมในประโยค
ใช้ร่วมกับคำกริยาที่ต้องการกรรมมาเติมเต็ม (สกรรมกริยา) เช่น กิน (กินอะไร?) ซื้อ (ซื้ออะไร?) รัก (รักใคร?) เป็นต้นวิธีการเติมวาง
을 ไว้หลังคำนามที่ลงท้ายด้วยตัวสะกด เช่น 가방 + 을 --> 재중이 가방을 있어요. (แจจุงอี คาบางึล อิดซอโย) แจจุงมีกระเป๋าวาง
를 ไว้หลังคำนามที่ลงท้ายด้วยสระ เช่น เช่น 사과 + 를 --> 재중이 사과를 먹어요. (แจจุงอี ชากวารึล มอกอโย) แจจุงกินแอปเปิ้ล

ข้อมูลจากเว็บDek-d

ตัวเลขเกาหลี

แบบเกาหลีแท้ (Pure Korean)
0 = 공 (คง)
1 = 하나 (ฮานา)
2 = 둘 (ดุล)
3 = 셋 (เซส)
4 = 넸 (เนส)
5 = 다섯 (ดาสอส)
6 = 여섯 (ยอสอส)
7 = 일곱 (อิลกบ)
8 = 여덟 (ยอตอล)
9 = 아홉 (อาฮบ)
10 = 열 (ยอล)
11 = 열 하나(ยอล ฮานา)
12 = 열 둘(ยอล ดุล)
13 = 열셋(ยอล เซส)
20 = 스물 (ซือมุล)
30 = 서른 (ซอรึน)
40 = 마흔 (มาฮึน)
50 = 쉰 (ชิน)
60 = 예순 (เยซุน)
70 = 일흔 (อิลฮึน)
80 = 여든 (ยอดึน)
90 = 아흔 (อาฮึน)
100 = 백 (เบก)
1,000 = 천 (ชอน)
10,000 = 만 (มัน)
100,000 = 십만 (ชิบมัน)
1,000,000 = 백만 (เบกมัน)
10,000,000 = 천만 (ชอนมัน)
100,000,000 = 억 (ออก)

คำยืมจากภาษาจีน (Sino-Korean)
0 = 영 (ยอง)
1 = 일 (อิล)
2 = 이 (อี)
3 = 삼 (ซัม)
4 = 사 (ซา)
5 = 오 (โอ)
6 = 육 (ยุก)
7 = 칠 (ชิล)
8 = 팔 (พัล)
9 = 구 (คู)
10 = 십 (ชิบ)
11 = 십일 (ชิบิล)
12 = 십이 (ชิบี)
13 = 십삼 (ชิบซัม)
20 = 이십 (อีชิบ)
30 = 삼십 (ซัมชิบ)
40 = 사십 (ซาชิบ)
50 = 오십 (โอชิบ)
60 = 육십 (ยุกชิบ)
70 = 칠십 (ชิลชิบ)
80 = 팔십 (พัลชิบ)
90 = 구십 (คูชิบ)
100 = 백 (เบก)
1,000 = 천 (ชอน)
10,000 = 만 (มัน)
100,000 = 십만 (ชิบมัน)
1,000,000 = 백만 (เบกมัน)
10,000,000 = 천만 (ชอนมัน)
100,000,000 = 억 (ออก)
1,000,000,000 = 십억 (ชีบอก)
10,000,000,000 = 백억 (แพกอก)
100,000,000,000 = 천억 (ชอนอก)
1,000,000,000,000 = 조 (โช)
ส่วนเลขอื่นๆ ก็เอามาผสมกับแบบเลขไทย เช่น 26 ก็เป็น 이십육 เป็นต้น

ข้อมูลจากเว็บDek-d

การโยงเสียงตัวสะกด

มีอยู่ 3 แบบ

คือ1. เมื่อตัวสะกดเดี่ยวตามด้วยพยัญชนะต้นอีอึง ㅇเมื่ออ่าน จะโยงตัวสะกดขึ้นไปแทนที่อีอึงเช่น 한국어 ต้องโยงตัวคีหยอก ที่อยู่ตรงกุ ขึ้นไปตรงอีอึง จึงอ่านได้เป็น ฮันกุกอ ไม่ใช่ ฮัก-กุก-ออ นะ**ตัวสะกดที่โยงขึ้นไปแทนที่อีอึงนั้นจะทำหน้าที่เป็นพยัญชนะของพยางค์ถัดไป เช่น ㅅเวลาเป็นตัวสะกดจะออกเสียงเป็น ด แต่โยงขึ้นเป้นต้องเป็น ช เช่น ก้ต้องออกเสียงว่า 웃슴 อุด ซึม

**2.เมื่อตัวสะกดประสมตามหลังด้วยพยัญชนะต้นอีอึง ㅇเมื่ออ่านให้โยงตัวสะกดตัวที่ 2 ขึ้นไปแทนที่อีอึงเช่น 값이 โยงชีโอสขึ้นไปแทนอีอึง เป็น 갑시 อ่านได้ว่า คับชี

**ไม่ต้องสนใจว่าตัวสะกดทั้งสองจะอยู่แม่อะไร แค่โยงขึ้นไปแล้วตัวสะกดที่สองก็จะเป็นพยัญชนะแรกของพยางค์ต่อไป เช่นเดียวกับข้อ 1**3. เมื่อตัวสะกดฮี่อึฮ ㅎตามหลังด้วยพยัญชนะต้นอีอึง ㅇเมื่ออ่านออกเสียงให้ตัดเสียงฮี่อึฮทิ้งเช่น 좋아 อ่านว่า โซอา (แปลว่า ชอบ)แต่ถ้าเป็นตัวสะกดประสมที่มีฮี่อึดอยู่ตัวที่สอง เช่น 싫어요 ก็ตัดฮี่อึดทิ้ง แล้วโยงรึอึลที่เหลืออยู่ขึ้นไป อ่านได้ว่า ชีรอโยทั้งหมดนี้ คือการอ่านออกเสียงนะ ส่วนการเขียนจะยังคงเดิม

ข้อมูลจากเว็บDek-d

การออกเสียงตัวสะกด

แม่กก ㄱㅋㄲㄳㄺ
แม่กน ㄴㄵㄶ
แม่กด ㄷㅅㅈㅊㅌㅎㅆ
แม่กล ㄹㄽ ㄾ ㅀ ㄼ
แม่กม ㅁㄻ
แม่กบ ㅂ ㅍ ㅄ ㄿ ㄼ
แม่กง ㅇ

*ตัวสะกดจะวางอยู่ล่างสุดของคำ โดยเริ่มเขียนจากพยัญชนะ สระ และตัวสะกดตามลำดับ*

ข้อมูลจากเว็บDek-d

วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2552

สระของเกาหลี

สระพื้นฐาน 10 ตัว
ㅏ อา
ㅑ ยา
ㅓ ออ
ㅕ ยอ
ㅗ โอ
ㅛ โย
ㅜ อู
ㅠ ยู
ㅡ อือ
ㅣ อี

สระประสมหรือสระควบ 11 ตัว
ㅐแอ (มาจาก ㅏ+ㅣ)
ㅒ แย (มาจาก ㅑ+ㅣ)
ㅔ เอ (มาจาก ㅓ+ㅣ)
ㅖ เย (มาจาก ㅕ+ㅣ)
ㅘ วา
ㅙ แว
ㅝ วอ (มาจาก ㅜ +ㅓ)
ㅞ เว (มาจาก ㅜ+ㅔ)
ㅚ เว
ㅟ วี (มาจาก ㅜ+ㅣ)
ㅢ อึย,อี,เอ (มาจาก ㅡ +ㅣ)

วิธีการวางสระสระที่เป็นแนวตั้ง ได้แก่ ㅏ ㅑ ㅓㅕㅣรวมถึงสระประสมด้วย จะวางไว้ทางขวามือของพยัญชนะส่วนสระแนวนอน ได้แก่ ㅗ ㅛ ㅜ ㅠ ㅡ จะวางไว้ด้านล่างของพยัญชนะ
1. โรงพยาบาล 병원
2. กระต่าย 토끼
3. ร้านขายของชำ 가게
4. คุณพ่อ 아버지
5. คุณแม่ 어머니

เฉลย
1.พยอง วอน
2. โท กิ
3. คา เก
4. อา บอจี
5. ออ มอ นี

ขอมูลจากเว็บDek-d

พยัญชนะของเกาหลี

พยัญชนะพื้นฐาน 14 ตัว

ㄱ คีหยอก เสียง ค,ก
ㄴ นีอึน เสียง น
ㄷ ทีกึด เสียง ท,ด
ㄹ รีอึล เสียง ร,ล
ㅁ มีอึม เสียง ม
ㅂ พีอึบ เสียง พ,บ
ㅅ ชีโอส เสียง ซ (หรือ ช ถ้าประสมกับสระอี หรือควบ ว)
ㅇ อีอึง เสียง อ (ออกเสียงตามพยัญชนะ)
ㅈ ชีอึจ เสียง ช,จ
ㅊ ชี่อึช เสียง ช เสียงหนัก
ㅋ คี่อึค เสียง ค เสียงหนัก
ㅌ ที่อึท เสียง ท เสียงหนัก
ㅍ พี่อึพ เสียง พ เสียงหนัก
ㅎ ฮี่อึฮ เสียง ฮ

พยัญชนะซ้อน 5 ตัว
ㄲ ซังกียอก มาจาก ㄱ+ㄱเสียง ก เสียงหนัก
ㄸ ซังทีกึด มาจาก ㄷ+ㄷเสียง ต
ㅃ ซังพีอึบ มาจาก ㅂ+ㅂเสียง ป
ㅆ ซังชีโอส มาจาก ㅅ+ㅅเสียง ซ (หรือ ช) เสียงหนัก
ㅉ ซังชี่อึจ มาจาก ㅈ+ㅈเสียง จ เสียงหนัก

**ㄱㄷㄹㅂㅅㅈ ถ้าอยู่เป็นพยัยชนะตัวแรกของคำ ก็จะออกเสียงเป็น ค ท ร พ ซ ช ตามลำดับแต่ถ้าเป็นพยัญชนะตัวถัดไป ก็จะออกเสียงเป็นตัวหนังสือสีม่วง เช่น 가가 ก้ต้องออกเสียงว่า คากา ไม่ใช่ คาคา

ข้อมูลจากเว็บDek-d

แป้น Keydoard ภาษาเกาหลี

การที่จะจำรูปแบบแป้น keyboard เกาหลี เพื่อจะพิมพ์สัมผัสได้ ไม่ใช่เรื่องยาก
เนื่องจากแป้นภาษาเกาหลี แยกระหว่าง พยัญชนะ และ สระ
ซึ่ง พยัญชนะทั้งหมด จะอยู่ด้าน ซ้าย
สระเกือบทั้งหมด จะอยู่ด้าน ขวา

แตกต่างกับภาษาไทยกับภาษาอังกฤษอย่างเห็นได้ชัดเลย
Keyboard Layout ของภาษาเกาหลีนั้นมีอยู่3 ประเภทคือ (เหมือนกับของไทยที่มี เกษมณี กับ ปัตตโชติ นั่นแหละ
1. แบบ 2 벌식 (แบบที่ใช้กันแพร่หลายในปัจจุบัน)
2. แบบ 3 벌식 (แบบที่ใช้กับพิมพ์ดีด)
3. แบบ 3 벌식 390

ความแตกต่างก็คือ รูปแบบ 2벌식 สามารถรู้ได้ว่าตัวอักษรต่อไป จะเป็นพยัญชนะหรือเป็นตัวสะกดนั่นเอง
ส่วน 3벌식 นี้จะแยกแป้นพยัญชนะและตัวสะกดออกจากกัน ทำให้ตัวอักษร 1 ตัว ต้องจำทั้งพยัญชนะและตัวสะกด เนื่องจากอยู่คนละที่กัน


รูปแบบ 2벌식

หลักง่ายๆ ในการจำแป้นภาษาเกาหลี (2벌식)
/ ตัวอักษร /
- ตัวอักษรทุกตัวใช้มือซ้ายกด
- ตัวเสียงหนัก (ตัวซังทั้งหมด) ทั้งหมดจะอยู่แถวบน ใช้บ่อยทุกตัวครับ ตัวที่ใช้บ่อยสุดคือ ㄱ กับ ㅅ,ㅆ
- ตัวพื้นฐาน ㅁ ㄴ ㅇ ㄹ ㅎ จะอยู่แถวกลาง (ใช้บ่อยทุกตัว)
- ตัวอื่นๆ จะอยู่แถวล่าง

/ สระ /
- สระทุกตัวใช้มือขวากด (ยกเว้น ㅠ ใช้มือซ้าย)
- ตัวขีดแนวนอน (จำพวก ㅡ) จะอยู่ด้านหน้า ส่วนขีดแนวตั้ง จะอยู่ด้านหลัง
- เสียง "ย" มีเพียง 2 แถวคือ แถวบน และแถวล่าง
- ㅠ,ㅜ,ㅡ พวกมีขีดด้านล่าง ก็จะอยู่แถวล่าง
- 3 ตัวนี้จะใช้บ่อยที่สุด
ตัว ㅓ นิ้วชี้..
ตัวㅏ นิ้วกลาง
ตัวㅣ น้วนาง (ระวังตัว ㅣ พิมพ์ผิดเป็น ㅏ บ่อย พยายามามจำว่ากำลังกดตัว L (l) ในภาษาอังกฤษอยู่)

ข้อมูลจากเว็บZiP ㅡ Zippher

ประวัติศาสตร์ของประเทศเกาหลี...\^0^/

ดินแดนคาบสมุทรเกาหลีเป็นดินแดนที่มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ยาวนาน เริ่มแต่เป็นดินแดนของผู้คนหลากเผ่าพันธุ์ จนกระทั่งรวมตัวขึ้นเป็นอาณาจักรเล็กๆ ต่อมาถูกจีนยึดครอง เมื่อได้เอกราชจากจีน คาบสมุทรเกาหลีประกอบด้วยสามอาณาจักสำคัญก่อนจะรวมตัวกันเป็นอาณาจักรเดียวปกครองด้วยราชวงศ์ 2 ราชวงศ์ จนถูกญี่ปุ่นยึดครองเป็นอาณานิคมจนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ตามมาด้วยสงครามเกาหลีที่ทำให้ต้องแบ่งเป็น 2 ประเทศในปัจจุบันคือเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ มีความพยายามที่จะรวมประเทศทั้งสองแต่ยังไม่สำเร็จ
ยุคเผ่า
ในยุคแรกดินแดนบนคาบสมุทรเกาหลีประกอบด้วยผู้คนหลายเผ่าพันธุ์ เผ่าแรกที่ปรากฏคือเผ่าโชซอนโบราณ ตั้งถิ่นฐานอยู่ทางภาคเหนือ เรืองอำนาจในช่วงพ.ศ. 143 – 243 ส่วนเผ่าอื่นได้แก่เผ่าพูยอ อยู่บริเวณปากแม่น้ำซุงคารีทางแมนจูเรียเหนือ เผ่าโกคูรยออยู่ระหว่างแม่น้ำพมาก และแม่น้ำอัมนก เผ่าโอกจออยู่บริเวณมณฑลฮัมกยอง เผ่าทงเยอยู่บริเวณมณฑลคังวอน และเผ่าสามฮั่นคือ มาฮั่น ชินฮั่น และพยอนฮั่น ที่อยู่บริเวณแม่น้ำฮั่นและแม่น้ำนักดง ทางภาคใต้ของคาบสมุทรเกาหลี

กษัตริย์ในตำนาน
ตำนานที่เป็นที่แพร่หลายในประเทศเกาหลีเล่าถึงกำเนิดของชนชาติตนว่า เจ้าชายฮวางวุง โอรสของเทพสูงสุดบนสวรรค์ลงมาสร้างเมืองที่ภูเขาแตแบกซาน ได้แต่งงานกับหญิงที่มีกำเนิดจากหมี มีโอรสชื่อตันกุน ต่อมาเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรโชซอนโบราณ เมื่อ 1790 ปีก่อนพุทธศักราช
ดินแดนคาบสมุทรเกาหลีตกเป็นเมืองขึ้นจีนเมื่อ พ.ศ. 434 เมื่อจักรพรรดิหวู่ตี้แห่งราชวงศ์ฮั่น ยกทัพเข้ายึดครองดินแดนของอาณาจักรโชซอนโบราณ และแบ่งเกาหลีเป็น 4 มณฑล คือ มณฑลนังนัง ชินบอน อิมดุน และฮยอนโท อย่างไรก็ตาม จีนปกครองมณฑลนังนังอย่างจริงจังเพียงมณฑลเดียว มณฑลอื่นๆจึงค่อยๆแยกตัวเป็นเอกราช จน พ.ศ. 856 ชนเผ่าโกคูรยอเข้ายึดครองมณฑลนังนัง ขับไล่จีนออกไปได้สำเร็จ การตกเป็นเมืองขึ้นของจีนทำให้เกาหลีได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากจีนมาก เช่นตัวอักษรและศาสนา (พุทธและขงจื้อ)

ยุคสามก๊ก
เมื่อเป็นเอกราชจากจีน ดินแดนเกาหลีในขณะนั้นแบ่งเป็น 3 อาณาจักรด้วยกันคือ
อาณาจักรโกคูรยอทางภาคเหนือ เผ่าโกคูรยอเริ่มเข้มแข็งมากขึ้นเมื่อราชวงศ์ฮั่นของจีนล่มสลาย และสามารถขยายอำนาจเข้ายึดครองมณฑลนังนังจากจีนได้เมื่อ พ.ศ. 856
อาณาจักรแพกเจ ชนเผ่าแพกเจซึ่งเป็นเผ่าย่อยของเผ่าพูยอที่อพยพลงใต้ เข้ายึดครองอาณาจักรอื่นรวมทั้งอาณาจักรเดิมของเผ่าฮั่น ตังเป็นอาณาจักรเมื่อ พ.ศ. 777
อาณาจักรชิลลา อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรเกาหลี พัฒนาขึ้นจากเผ่าซาโร แต่อาณาจักรนี้ไม่เข้มแข็งมากนักในช่วงแรก ดำเนินนโยบายเป็นมิตรกับอาณาจักรโกคูรยอตลอดจนกระทั่งหลังสงครามระหว่างอาณาจักรโกคูรยอกับแพกเจ อาณาจักรชิลลาจึงเข้มแข็งขึ้นเป็นลำดับ จนสามารถยึดครองลุ่มแม่น้ำฮั่นและลุ่มแม่น้ำนักดงจากอาณาจักรแพกเจได้

ยุคอาณาจักรเอกภาพ "อาณาจักรชิลลา"
เมื่ออาณาจักรชิลลาเข้มแข็งขึ้น อาณาจักรแพกเจจึงหันไปผูกมิตรกับอาณาจักรโกคูรยอ ส่วนอาณาจักรชิลลาหันไปผูกมิตรกับราชวงศ์สุยและราชวงศ์ถังของจีน กองกำลังผสมระหวางจีนและชิลลายึดครองอาณาจักรแพกเจได้เมื่อ พ.ศ. 1203 และยึดครองอาณาจักรโคกูรยอได้ในพ.ศ. 1211 โดยจีนเข้ามาปกครองอาณาจักโคกูรยอในช่วงแรก ต่อมาอาณาจักรชิลลากับราชวงศ์ถังเกิดขัดแย้งกัน อาณาจักรชิลลาจึงเข้ายึดอาณาจักรโคกูรยอจากจีนและเข้าปกครองคาบสมุทรเกาหลีอย่างเด็ดขาดเมื่อ พ.ศ. 1278
อาณาจักรชิลลาเจริญสูงสุดในยุคกษัตริย์คยองตอก หลังจากนั้นได้เสื่อมลงโดยสาเหตุหลักมาจากความขัดแย้งในหมู่เชื้อพระวงศ์และเกิดการปฏิวัติบ่อยครั้ง กลุ่มชาวนาและกลุ่มอำนาจท้องถิ่นที่รู้สึกว่าถูกกดขี่ได้รวมกำลังกันต่อต้านอำนาจรัฐ วังกอน ผู้นำกลุ่มต่อต้านคนหนึ่ง เข้ายึดอำนาจและสถาปนาราชวงศ์โคเรียขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1478

ยุคอาณาจักรโครยอ
วังฮูมาสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์แทโจแห่งราชวงศ์โคเรียวเมื่อ พ.ศ. 1486 อาณาจักรนี้เจริญสูงสุดในสมัยกษัตริย์มุนจง ยุคนี้เป็นยุคที่ส่งเสริมพระพุทธศาสนา มีการทำสงครามกับพวกญี่ปุ่นและมองโกล ถูกจีนควบคุมในสมัยราชวงศ์หยวน จนเมื่ออำนาจของราชวงศ์หยวนอ่อนแอลง อาณาจักรโคเรียต้องพบกับปัญหาโจรสลัดญี่ปุ่นและการรุกรานของราชวงศ์หมิง ในที่สุดทำให้ฝ่ายทหารมีอำนาจมากขึ้นจนนำไปสู่การยึดอำนาจของนายพล อีซองกเย และสถาปนาราชวงศ์ใหม่ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1935

ยุคราชวงศ์โชซอน
นายพล ลี ซองเกสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์แทโจแห่งราชวงศ์โชซอน ในสมัยนี้ส่งเสริมลัทธิขงจื๊อให้เป็นลัทธิประจำชาติและเริ่มลดอิทธิพลของพุทธศาสนา สมัยกษัตริย์เซจงมหาราช ทรงประดิษฐ์อักษรฮันกึลขึ้นใช้แทนอักษรจีน
เกาหลีมีความขัดแย้งกับชาติตะวันตกโดยเฉพาะเรื่องคริสต์ศาสนาและความแตกแยกในหมู่ขุนนางทำให้ราชวงศ์นี้เสื่อมลง จนถูกญี่ปุ่นยึดครองและล้มล้างระบอบกษัตริย์ไปในที่สุด

ยุคอาณานิคมของญี่ปุ่นและสงครามโลก
เมื่อ พ.ศ. 2453 ญี่ปุ่นได้ผนวกเกาหลีเป็นดินแดนของตนตามสนธิสัญญาการรวมญี่ปุ่น-เกาหลี ซึ่งสนธิสัญญานี้เป็นที่ยอมรับของญี่ปุ่นฝ่ายเดียว แต่ไม่เป็นที่ยอมรับในเกาหลี เพราะถือว่าไม่มีการลงนามของกษัตริย์เกาหลี เกาหลีถูกญี่ปุ่นปกครองจนกระทั่งญี่ปุ่นเป็นฝ่ายแพ้สงครามเมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488
ในระหว่างการปกครองของญี่ปุ่น มีการสร้างระบบคมนาคมแบบตะวันตก แต่ส่วนใหญ่เพื่อประโยชน์ทางการค้าของญี่ปุ่นมากกว่าประโยชน์ของชาวเกาหลี ญี่ปุ่นล้มล้างราชวงศ์โชซอน ทำลายพระราชวัง ปรับปรุงระบบภาษี ให้ส่งข้าวจากเกาหลีไปญี่ปุ่น ทำให้เกิดความอดอยากในเกาหลี มีการใช้แรงงานทาสในการสร้างถนนและทำเหมืองแร่
หลังการสวรรคตของกษัตริย์โกจง (Gojong) เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2461 ด้วยยาพิษ ทำให้เกิดการเรียกร้องเอกราชทั่วประเทศ เมื่อ 1 มีนาคม พ.ศ. 2461ผลจากการลุกฮือขึ้นเรียกร้องเอกราชทำให้ชาวเกาหลีราว 7,000 คนถูกฆ่าโดยทหารและตำรวจญี่ปุ่น ชาวคริสต์เกาหลีจำนวนมากถูกฆ่าหรือเผาในโบสถ์ระหว่างการเรียกร้องเอกราชมีการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลของเกาหลีที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน หลังจากการเคลื่อนไหว 1 มีนาคม เพื่อต่อต้านการยึดครองของญี่ปุ่น
การลุกฮือขึ้นต่อต้านญี่ปุ่นยังงมีอยู่ต่อไป เช่น การลุกฮือของนักศึกษาทั่วประเทศเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2472 จนนำไปสู่การประกาศกฏอัยการศึกเมื่อ พ.ศ. 2474 หลังจากเกิดสงครามจีน-ญี่ปุ่นเมื่อ พ.ศ. 2480 ญี่ปุ่นพยายามลบล้างความเป็นชาติของเกาหลี การสอนประวัติศาสตร์และภาษาเกาหลีในโรงเรียนถูกห้าม การแสดงออกทางวัฒนธรรมที่เป็นเกาหลีถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ชาวเกาหลีถูกบังคับให้มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น[1] สิ่งของมีค่าถุกนำออกจากเกาหลีไปยังญี่ปุ่น.[2] หนังสือพิมพ์ถูกห้ามตีพิมพ์ด้วยภาษาเกาหลี หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จำนวนมากถูกเผาทำลาย
ชาวเกาหลีจำนวนมากอพยพออกจากเกาหลีไปสู่แมนจูเรียและรัสเซีย ชาวเกาหลีในแมนจูเรียจัดตั้งขบวนการกู้เอกราชชื่อ “ดุงนิปกุน” (Dungnipgun) ขบวนการนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีน ทำสงครามกองโจรกับกองทัพญี่ปุ่น กองทัพเหล่านี้ได้รวมตัวกันเป็นกองทัพปลดปล่อยเกาหลี เมื่อราว พ.ศ. 2483 เคลื่อนไหวในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวเกาหลีกว่าหมื่นคนเข้าร่วมในกองทัพปลดปล่อยประชาชนและกองทัพปฏิวัติแห่งชาติ
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวเกาหลีถูกบังคับให้ร่วมมือกับญี่ปุ่น ชายชาวเกาหลีถูกเกณฑ์เข้าร่วมในกองทัพญี่ปุ่น ผู้หญิงจากจีนและเกาหลีราว 200,000 คน ถูกส่งตัวไปเป็นนางบำเรอของทหารญี่ปุ่น

การแบ่งแยกประเทศ
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง แนวโน้มของการแบ่งประเทศเริ่มปรากฏขึ้นเมื่อ 8 กันยายน พ.ศ. 2488 เมื่อสหรัฐเข้าควบคุมภาคใต้ของคาบสมุทรเกาหลี และโซเวียตเข้าควบคุมภาคเหนือ โดยใช้เส้นขนานที่ 38 องศาเป็นเส้นแบ่ง รัฐบาลชั่วคราวถูกยกเลิกเพราะสหรัฐเห็นว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์ ในครั้งแรกการแบ่งแยกนี้เป็นการชั่วคราว และจะให้เอกราชแก่เกาหลีเมื่อสี่ชาติมหาอำนาจคือ สหรัฐ สหภาพโซเวียต อังกฤษ และจีน จัดการปกครองในเกาหลีสำเร็จ
ในการประชุมไคโรเมื่อ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2486 กำหนดให้เกาหลีเป็นชาติอิสระ และการประชุมล่าสุดที่ยัลตาในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 ตกลงให้เกาหลีเป็นรัฐในอารักขาของชาติมหาอำนาจสี่ชาติ ต่อมา 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488 โซเวียตยกทัพจากไซบีเรียเข้าสู่เกาหลีโดยไม่มีการต่อต้าน ญี่ปุ่นยอมแพ้เมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2488 มีการประชุมที่มอสโกเพื่อตกลงเกี่ยวกับอนาคตของเกาหลี โดยกำหนดให้เป็นรัฐในอารักขา 5 ปี และรวมส่วนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของสหรัฐและโซเวียตเข้าด้วยกัน มีการประชุมกันอีกครั้งที่กรุงโซลแต่องค์การตั้งประเทศใหม่ยังไม่ลุล่วง เดือนกันยายน พ.ศ. 2490 สหรัฐส่งปัญหาเกาหลีเข้าสู่สหประชาชาติเพื่อให้เกาหลีเป็นรัฐเดียวที่มีเอกภาพ แต่ผลจากสงครามเย็นทำให้สหรัฐวางแผนคุ้มกันเกาหลีเพื่อต่อต้านคอมมิวนิสต์ ส่งผลให้เกิดการแยกประเทศเมื่อ พ.ศ. 2491 เกิดเป็นสองประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจและการปกครองต่างกัน สหประชาชาติยอมรับสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) เป็นตัวแทนเกาหลีในสหประชาชาติเพียงรัฐเดียวเมื่อ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2491 สงครามเกาหลีระเบิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2493 เมื่อเกาหลีเหนือยกทัพข้ามเส้นขนานที่ 38 องศาบุกเข้าโจมตีเกาหลีใต้ เป็นการยุติความพยายามในขณะนั้นที่จะรวมประเทศทั้งสองอย่างสันติ สงครามดำเนินไปจนมีข้อตกลงหยุดยิงเมื่อ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2496

ความพยายามรวมประเทศหลังสงคราม
เกาหลีใต้มีความพยายามที่จะรวมประเทศอย่างสันติตั้งแต่ พ.ศ. 2513 โดยเปิดการเจรจากับเกาหลีเหนืออย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการเจรจาระหว่างสภากาชาดฝ่ายใต้และเหนือ เพื่อให้ครอบครัวที่พลัดพรากระหว่างสงครามได้พบหน้ากัน มีการออกแถลงการณ์ระหว่างสองประเทศเมื่อ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 เพื่อยติการกล่าวร้ายระหว่างกัน แต่การเจรจาเพื่อรวมประเทศไม่ราบรื่น ที่ประสบผลมีเพียงการอนุญาตให้ชาวเกาหลีทั้งสองประเทศข้ามเขตปลอดทหารไปมาหาสู่กันได้ในช่วง 20-23 กันยายน พ.ศ. 2528 และการเจรจาเกี่ยวกับกีฬาโอลิมปิก พ.ศ. 2531 ที่กรุงโซล เท่านั้น การเจรจาเรื่องอื่นๆหยุดชะงักลงหลังพ.ศ. 2529 เนื่องจากเกาหลีเหนือไม่พอใจเกี่ยวกับการซ้อมรบระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐ ซึ่งถือเป็นการขัดแย้งกับการรวมชาติ เกาหลีใต้พยายามประนีประนอมกับเกาหลีเหนือเพื่อการเจรจาจนมีการประชุมระดับผู้นำครั้งแรกเมื่อ 4 กันยายน พ.ศ. 2533 จากนั้นมีการประชุมต่อมาอีกหลายครั้ง อย่างไรก็ตามการรวมชาติเกาหลียังเป็นสิ่งที่ต้องรอคอยต่อไปจนกระทั่งปัจจุบัน

ข้อมูลจากเว็บวิกิพีเดีย

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2552

Blogเพื่อนจ้า

จากมาร์น http://marchmero.blogspot.com/



จากออม http://aommiza.blogspot.com/

MY DARRING. . .!!

จากฟิล์ม http://feemmily.blogspot.com/
我的男朋友
I love perfect man :
TLE TANAPON ,he's my boyfriend , Ha ha

จากก้อย http://poiiiiii.blogspot.com/
Anny
การ์ตูน

จากปั๊ก http://pukerza.blogspot.com



จากเอ๋ย http://ehaiza.blogspot.com
Picasa Aresenal
จากปอย http://poy-nana.blogspot.com
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

จากมะตูม http://toom33.blogspot.com

มะตูมเอง

จากกุ้งhttp://gungii.blogspot.com

รูปกุ้งคะ

จากตุ้ม http://toommin.blogspot.com

Favourite [Video]
Summer Vacation



วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2552

งานที่ต้องส่ง


งานชิ้นที่ 2

น.ส.นฤมล ภักดีโชติ 50010116014 Kr.

1.1เว็บไซต์ที่บอกเวลาทั่วโลก
http://72.14.235.132/search?q=cache:Kia0fdS7vEEJ:school.obec.go.th/bannongtapan/time.html+%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81&cd=1&hl=th&ct=clnk&gl=th
1.2เว็บไซต์ที่บอกอุณหภูมิทั่วโลก
http://thai.wunderground.com/US/Region/US/Temperature.html
1.3รูปสถานที่สำคัญ

ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2552

Blogของเพื่อนๆRko

^0^ออม^0^http://aommiza.blogspot.com
^0^เปิ้ล^0^ http://Momokojung.blogspot.com
^0^มาร์น^0^ http://Marchmero.blogspot.com
^0^ยาหม่อง ^0^http://poohnarak68.blogspot.com
^0^ฟิล์ม ^0^http://feemmily.blogspot.com
^0^ก้อย^0^ http://poiiiiii.blogspot.com
^0^ปิ๊ก ^0^http://ookapikoo.blogspot.com
^0^ปั๊ก ^0^http://pukerza.blogspot.com
^0^เอ๋ย ^0^http://ehaiza.blogspot.com
^0^ปุ๋ย ^0^http://poilovely.blogspot.com
^0^ปอย ^0^http://poy-nana.blogspot.com
^0^แดน ^0^http://WUDOZA.blogspot.com
^0^มะตูม ^0^http://toom33.blogspot.com
^0^กาญ ^0^http://Martpudmoi.blogspot.com
^0^กุ้ง ^0^http://gungii.blogspot.com
^0^ตุ้ม^0^ http://toommin.blogspot.com
^0^เฟิน^0^ http://twister-tasmanian.blogspot
^0^น้ำฝน^0^ http://namfongis.blogspot.com
^0^กิ๊ก ^0^http://kikkyjung.blogspot.com
^0^เบสท์^0^ http://Sarawut007-kookkiknaja.blogspot.com

รูปReborn^__^

เรื่องย่อRebornภาคที่1


ครูพิเศษจอมป่วน รีบอร์น! (「家庭教師ヒットマンREBORN!」, Katekyō Hittoman Ribōn!, 家庭教師ヒットマンREBORN!?) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น เรื่องและภาพโดย อากิระ อามาโนะ มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ซาวาดะ สึนะโยชิ ชื่อเรียก สึนะ เด็กนักเรียนมัธยมต้นโรงเรียนนามิโมริทีไม่มีความโดดเด่น และไม่มีความสามารถทางการเรียนหรือกีฬา ถูกตั้งฉายา ว่า "สึนะจอมห่วย" หรือ "เจ้าเห่ยสึนะ" จนกระทั่ง "รีบอร์น" ซึ่งมองดูเผิน ๆ เหมือนเป็นเด็กทารก มาเป็นครูฝึกพิเศษจาก อิตาลีโดยมีอาชีพหลักเป็นนักฆ่ามือของวองโกเล่ แฟมิลี่ มาเฟียแห่งอิตาลี วัตถุประสงค์อันแท้จริงของรีบอร์นไม่ใช่เพียงการสอนหนังสือ แต่เพื่อฝึกให้ สึนะเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟียรุ่นที่ 10 ของวองโกเล่ แฟมิลี่ เนื่องจากเขาเป็นทายาทโดยตรงของผู้ก่อตั้งวองโกเล่ แฟมิลี่ การต่อสู้ของสึนะจึงเริ่มขึ้น
ภาคฝึกฝน
ซาวาดะ สึนะโยชิ เป็นเด็กม.ต้นที่ไม่ได้เรื่องเลยซักนิด เนื่องจากไม่เคยทำอะไรเองเลยสักนิดจนถูกเรียกชื่อว่า "สึนะจอมห่วย" วันหนึ่ง สึนะก็ได้พบกับ เด็กชายท่าทางประหลาดคนหนึ่ง ซึ่งแนะนำตัวเองว่าเป็นครูสอนพิเศษที่แม่ของสึนะจ้างมาชื่อว่า "รีบอร์น"มาจากอิตาลี สึนะไม่ยอมรับว่ารีบอร์นซึ่งดูเป็นทารกอยู่ จะเป็นครูสอนพิเศษได้ จนกระทั่งถูกยิงด้วย "กระสุนดับเครื่องชน" ที่กลางแสกหน้า ทำให้สึนะรู้สึกว่าตัวเองจะต้องตาย และรู้สึกเสียใจว่าถ้าหากพยายามสารภาพรักกับซาซางาวะ เคียวโกะ อย่างเอาเป็นเอาตาย เธออาจจะยอมรับรักของเขาก็ได้ ทันทีที่คิดเช่นนั้น ไฟดับเครื่องชนก็ถูกจุดขึ้นที่หน้าผากของสึนะ
เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดออกเหลือแต่กางกางใน และเขาก็วิ่งไปสารภาพรักกับซาซางาวะ เคียวโกะที่เดินอยู่กับรุ่นพี่โมจิดะ อย่างเอาเป็นเอาตายด้วยพลังที่เหลือเชื่อ ผลจากการสารภาพรักครั้งนี้คือเคียวโกะตกใจจนพูดไม่ออก แต่เพื่อนทุกคนคิดว่าสึนะวิตถาร เพราะวิ่งมาสารภาพรักทั้งที่สวมแต่กางเกงใน จากนั้นสึนะจึงยอมรับว่ากระสุนดับเครื่องชนของรีบอร์นมีพลังวิเศษ และรีบอร์นก็ประกาศว่าหน้าที่ที่แท้จริงของเขาคือ การฝึกให้สึนะเป็นหัวหน้าของ "วองโกเล่ แฟมิลี่" ที่เป็นแก๊งค์มาเฟียขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลสูงมากในอิตาลี
รีบอร์นบอกว่าวองโกเล่ แฟมิลี่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน หัวหน้าคนปัจจุบันคือรุ่นที่เก้า และสึนะจะต้องเป็นรุ่นที่สิบต่อไป โดยหัวหน้ารุ่นแรกคือทวดของทวดของสึนะ เป็นผู้ก่อตั้งวองโกเล่ขึ้น และล้างมือมาอยู่ญี่ปุ่น
หลังจากสึนะแสดงวีรกรรมสารภาพรักในชุดชั้นใน รุ่นพี่ชมรมเคนโด้ที่แอบชอบเคียวโกะรู้สึกไม่พอใจสึนะ จึงคิดจะให้สึนะขายหน้า โดยให้สึนะประลองเคนโด้ด้วยและวางแผนแกล้งไม่ให้ทำอิปป้งได้ ตอนแรกสึนะไม่กล้าสู้ แต่ต่อมาก็นึกขึ้นได้ว่าถึงจะแพ้แต่ก็จะกลับไปสู้ รีบอร์นจึงยิงกระสุนดับเครื่องชนใส่ สึนะวิ่งเข้าใส่ในชุดกางเกงในก็ทำอิปป้งด้วยการถอนเส้นผมของรุ่นพี่ออกทั้งหัว (ป้งแปลอีกอย่างได้ว่าเส้นผม) ทำให้เพื่อน ๆ ประทับใจในแรงฮึดกับมุกของสึนะ และเคียวโกะก็คุยกับสึนะเป็นครั้งแรก
ผลจากการชนะรุ่นพี่ ทำให้เพื่อน ๆ ชวนสึนะเล่นวอลเล่ย์บอล ช่วงแรกสึนะคิดว่าจะให้รีบอร์นยิงกระสุนช่วย แต่รีบอร์นบอกว่าถ้ายิงโดยไม่มีอะไรคาใจก็ตายจริงแน่ สึนะจึงหนีไป แต่ก็กลับมาด้วยความรับผิดชอบ ในที่สุดรีบอร์นก็ช่วยด้วยการยิงกระสุนดับเครื่องชนที่อื่น จนสึนะชนะได้ ความไม่ได้เรื่องของสึนะอยู่ในสายตาของ "โกคุเดระ ฮายาโตะ" ผู้มาจากอิตาลี ทำให้โกคุเดระไม่ยอมรับสึนะเป็นหัวหน้าของวองโกเล่ จึงท้าประลองโดยโกคุเดระใช้ระเบิดเป็นอาวุธ แต่หลังจากโกคุเดระทำระเบิดที่จุดแล้วหล่น และสึนะในโหมดดับเครื่องชน ได้ช่วยดับระเบิดให้จนช่วยชีวิตโกคุเดระไว้ โกคุเดระจึงยอมรับสึนะเป็นวองโกเล่รุ่นที่สิบ และเข้าเป็นแฟมิลี่คนแรกของสึนะ
จากผลงานของสึนะที่เริ่มก่อวีรกรรมมากขึ้น (โกคุเดระมีส่วนที่ทำให้วีรกรรมยิ่งโดดเด่น เช่น การระเบิดสนามของโรงเรียน) ทำให้ยามาโมโตะ ทาเคชิ นักเบสบอลของโรงเรียนสนใจเขา ยามาโมโตะมีปัญหากับการเล่นเบสบอลจึงมาปรึกษาสึนะ สึนะบอกให้พยายามซ้อม ยามาโมโตะจึงซ้อมจะแขนหักและเสียใจมากคิดฆ่าตัวตายโดยโดดตึกเรียน สึนะเข้าไปห้ามจนยามาโมโตะเริ่มคิดตก แต่กลับเกิดอุบัติเหตุทำให้ยามาโมโตะร่วงลงไป สึนะโดดตามไปช่วยโดยรีบอร์นสนับสนุนด้วยกระสุนดับเครื่องชน ทำให้ทั้งคู่รอดชีวิตทั้งที่ตกตึกมาด้วยกัน ยามาโมโตะกลายเป็นเพื่อนคนแรกของสึนะ
สึนะได้รู้จักกับแรมโบ้ นักฆ่าที่เป็นเด็กอายุห้าขวบ ที่มาลอบสังหารรีบอร์นแต่ไม่เคยทำสำเร็จ จนกลายเป็นเด็กในบ้านสึนะ และอี้ผิง นักฆ่าที่มาลอบฆ่าสึนะด้วยความเข้าใจผิดเนื่องจากสายตาสั้น ภายหลังได้มาอาศัยในบ้านสึนะ ทำให้สมาชิกในบ้านมีเพิ่มขึ้น และก่อเรื่องปวดหัวให้สึนะมากขึ้น รวมถึง "เบียงกี้" พี่สาวของโกคุเทระ นักฆ่าที่ทำให้อาหารเป็นพิษที่คิดจะมาฆ่าสึนะตลอดเวลาเพื่อพารีบอร์นกลับไป แต่ความที่เบียงกี้ชอบรีบอร์นมากจึงรับคำ ไม่ฆ่า สึนะอีก จนมาถึงตอนที่ ฟูตะ นักจัดอันดับแรงกิ้งที่แม่นยำที่สุด โดยมาเฟีย ไล่ล่าขอรายชื่อ เพื่อตามล้างบางแฟมิลี่อื่น ต้องให้สึนะมาช่วย จนต้องมาอยู่ด้วยกันอีก

การท้าทายจากมุคุโร่
หลังจากที่เริ่มการฝึกไปได้ไม่นาน "มุคุโร่" ได้นำนักฆ่าหลายคนเข้าทำร้ายเด็กนามิโมริ 1ในนั้นคือ ซาซางาวะ เรียวเฮ สึนะจึงเข้าไปหา หลังจากที่กำลังออกจากห้องของเรียวเฮ ก็ได้พบกับคุวาซาเบะที่นอนซมอยู่บนเตียงฉุกเฉิน ขณะเดียวกัน หางของเลอ้อนก็หลุดออก และเนื่องจากการที่มุคุโร่ส่งนักฆ่าหลายคนมาทำร้ายเด็กโรงเรียนนามิโมริ ฮิบาริจึงไปจัดการกับมุคุโร่เพราะความโกรธ แต่กลับแพ้ไม่เป็นท่าเพราะโรค"ซากุระโซซัดโซเซ"ที่เมื่ออยู่มองดอกซากุระแล้ว จะยืนไม่ขึ้น เนื่องจากโดน "ไทเด้นซ์ มอสคิวโต้"ของ ด.ร จามาล ในขณะเดียวกัน ขณะที่โกคุเทระกำลังเที่ยวอยู่ก็มาเจอ1ในนักฆ่าของมุคุโร่"จิคุสะ"โดยบังเอิญ ทำให้เกิดการต่อสู้ขึ้น จิคุสะนั้นได้เพลี้ยงพล้ำต่อโกคุเทระ แต่ขณะเดียวกันก็โดนพิษจากอาวุธของเขา"โยโย่"เช่นเดียวกัน ทำให้ต้องไปที่ห้องพยาบาลของโรงเรียนนามิโมริ หลังจากที่สึนะออกจากห้องพยาบาลไปแล้ว สึนะก็ได้พบว่าเลอ้อนกลายเป็นดักแด้ไปแล้ว จากนั้นรีบอร์นก็บอกให้ไปถล่มพวกมุคุโร่ และบอกว่ากระสุนดับเครื่องชนเหลืออยู่แค่นัดเดียวโดยให้ยามาโมโตะ,โกคุเทระ และเบียงกี้ไปด้วย แต่ถึงอย่างไร พวกสึนะก็ไปที่โกคุโยแลนด์ เพื่อปะทะกับมุคุโร่ พวกสึนะได้ปะทะกับนักฆ่าทั้งหมด โดยยามาโมโตะเจอกับเคน เบียงกี้เจอกับ M.M จนได้พบกับมุคุโร่ ในการต่อสู้ครั้งนั้น ยามาโมโตะโดนลูกเหล็ก จนสลบไป โกคุเทระบาดเจ็บ รีบอร์นจึงยิงกระสุนดับเครื่องชนนัดสุดท้ายใส่สึนะทำให้เอาชนะมาได้ชนะและรู้ว่าเป็นตัวปลอม ทันทีที่มุคุโร่ตัวปลอมกำลังจะบอกเป้าหมายของมุคุโร่ ก็โดนเข็มพิษจากจิคุสะลอบยิงใส่ จากนั้นมุคุโร่ตัวปลอมจึงบอกชื่อว่า ลันเชีย เมื่อรู้ตัวว่าไม่มีกระสุนดับเครื่องชนแล้ว มุคุโร่ตัวจริง จึงดำเนินการตามแผนที่วางไว้ สึนะจึงโกรธและบุกไปหามุคุโร่ในโกคุโยคอมเพล็กซ์ พวกสึนะได้พบกับจิคุสะแล้วโกคุเทระก็อาสาสู้ด้วยแต่แล้ว เคนก็มาช่วยจิคุสะ เมื่อโกคุเทระอยู่ในสภาวะอันตราย ฮิบาริก็เข้าไปช่วยแล้วจึงไปช่วยสึนะ จึงรวมพลังกันเพื่อสู้กับมุคุโร่แต่ฮิบาริสลบไปก่อน ในระหว่างที่สู้กันอยู่ เมื่อมุคุโร่เสียเปรียบจึงยิงปืนฆ่าตัวตาย ทันใดนั้นเอง เบียงกี้ก็ได้ฟื้นขึ้นมา แล้วเข้าทำร้ายโกคุเทระ รีบอร์นจึงรู้ว่ามุคุโร่ใช้กระสุนพิเศษที่มีชื่อว่า"กระสุนสิงสู่"ซึ่งเป็นกระสุนต้องห้าม (กระสุนพิเศษที่ทางวงการมาเฟียได้สั่งห้ามใช้เป็นอันขาด) ทำให้สามารถสิงได้ต่อเมื่อโดนหอกสามง่ามของมุคุโร่ ทำให้สึนะต้องหนีหัวซุกหัวซุน ทว่า เลออนได้ฟักออกจากดักแด้ขึ้นมาพร้อมๆกับอาวุธให้สึนะคือX-GLOVE (ดูจากภายนอกเหมือนถุงมือไหมพรมทั่วๆไป) พร้อมกระสุนเสียงบ่น จึงปะทะกับมุคุโร่อีกครั้งด้วยX-GLOVEและกระสุนเสียงบ่นที่ทำให้เข้าสู่โหมดใหม่"โหมดไฮเปอร์"จนเอาชนะมุคุโร่ได้ ส่วนมุคุโร่ถูกวีดีเซ่ คือ กลุ่มที่คอยจับตัวคนที่ทำความผิดที่กฎหมายเอาผิดไม่ได้ในวงการมาเฟียจับตัวกลับไปพร้อมกับพรรคพวก แต่ในตอนท้ายมุคุโร่ได้สิงร่างเด็กผู้ชายที่มีชื่อเล่นว่า"ม่าคุง"

ข้อมูลจากเว็บวิกิพีเดีย

มาดูRebornกัน^0^(ตอนที่1)





สถานที่ท่องเที่ยวในโลกกลมๆ


ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น

วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2552

Rkoเองจ้า

นามจิง นฤมล ภักดีโชติ
เพื่อนเรียก อาร์
จบอนุบาลที่โรงเรียนเมื่องชลพิทยา จ.ชลบุรี
จบประถมที่โรงเรียนเทศบาลวัดใหญ่อินทราม(แค่ป.5) จ.ชลบุรี
ย้ายโรงเรียนตอนป.5 มาต่อ ป.6 ที่โรงเรียนบ้านท่าเสียว จ.ร้อยเอ็ด (มาอยู่บ้านนอกครับท่าน)
จบมัธยมต้นที่โรงเรียนบ้านท่าเสียว จ.ร้อยเอ็ด
จบมัธยมปลายที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาร้อยเอ็ด(ปวช.3 หรือ ม.6 นั้นเอง^^) จบเอกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ เอกวิชาภาษาเกาหลี (จะปี3แล้วจ้า...^0^)
ความถนัด...คิดก่อนนะ^^...เหมือนจะไม่มี...อืม*^*...คิดออกแล้ว^^ทำอาหารและก็...คิดว่ามีแค่นี้อะนะ55+
ดอกไม้ที่ชอบที่สุดก็ต้องนี้เลย...ดอกทานตะวัน^0^ชอบเพราะมันดอกใหญ่ดี55+
ของที่ชอบสะสมคือ...หนังสือการ์ตูนเรื่องโปรดเช่น ครูสอนพิเศษจอมป่วนนักฆ่าReborn ตอนนี้มี 19 เล่ม Naruto ตอนนี้มี 44 เล่ม เป็นต้น^^
ชอบทำในเวลาว่าง^^กินและก็นอน^^ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยT^T

ตารางของRko